จีน กษิดิศ สำเนียง สาวผมบลอนด์ BEYOND BORDER

บันเทิง
จีน กษิดิศ สำเนียง สาวผมบลอนด์ BEYOND BORDER

จีน-กษิดิศ สำเนียง ศิลปินสุดคัลต์ผู้สร้างความตื่นเต้นระลอกใหม่ให้วงการเพลงไทยส่งท้ายปี ด้วยลุคใหม่เป็นสาวผมบลอนด์ คอสตูมแต่งหญิงแบบจัดเต็ม

                        GMLive

 























จีน-กษิดิศ สำเนียง ศิลปินสุดคัลต์ผู้สร้างความตื่นเต้นระลอกใหม่ให้วงการเพลงไทยส่งท้ายปี ด้วยลุคใหม่เป็นสาวผมบลอนด์ คอสตูมแต่งหญิงแบบจัดเต็ม ไม่มีกั๊ก ไม่มีแอ๊บอีกต่อไป จีนมีสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 2 ใช้ชื่อว่า ‘BLONDE’ ในแนวเพลงอิเล็กโทร ร็อคแอนด์โรล กับสมอลล์รูม เปิดตัวด้วยเพลง ‘รักสนุก’ เพลงที่กำลังยึดครองชาร์ตเพลงฮิตอยู่ขณะนี้เวลาที่เขาหรือเธอแสดงสดบนเวทีที่มีพลัง ขึงขัง เอนเตอร์เทนผู้ชมด้วยท่าทางประหลาดยากจะคาดเดา เสน่ห์ของศิลปินวัย 33 ปีผู้นี้ต้องใจแฟนเพลง จึงไม่แปลกที่เธอจะมีแฟนเพลงเฝ้าติดตามอยู่ทั่วโลก เธอได้รับเทียบเชิญไปเล่นสดในต่างแดนบ่อยครั้ง


จีนบอกว่าศิลปินที่ดี ชีวิตประจำวันกับโชว์ออนสเตจต้องไม่มีอะไรที่แตกต่างกันนัก ไม่เฟค ไม่ประดิษฐ์ และนี่แหละ คือตัวตนที่แท้จริงของเธอ เสื้อผ้าหน้าผมของเธอนั้นได้ Beyond Border หรือว่าข้ามพรมแดนเรื่องเพศไปนานแล้ว


GM นั่งคุยกับเธอในอพาร์ตเมนต์ย่านเอกมัย เราได้รู้จักห้องรับแขก ตู้เก็บเสื้อผ้า เพลย์ลิสต์ในแท็บเล็ต รวมไปถึงเตียงนอนของเธอ แน่นอนว่าสิ่งแรกที่เรารับรู้ได้ คือ จีนช่างเฟรนด์ลี่อะไรอย่างนี้ และกล้าเปิดเผย นั่นทำให้เรากล้าถามคำถามตรงไปตรงมาข้อต่อไปนี้ได้


GM : คุณเป็นอะไรมากเปล่าเนี่ยะ!!?? ณ จุดนี้เกิดอะไรขึ้นกับคุณ


จีน : (หัวเราะเสียงดัง) อยากทดลองเรื่องเสื้อผ้า อยากไปให้สุดๆ เหมือนในเพลง ‘รักสนุก’ ก็ไม่อยากฉุดตัวเอง เราทำงานชุดแรกยังออกเป็น Androgynies ก้ำกึ่งอยู่  Androgynies หมายความว่าจะหญิงก็ไม่หญิง จะชายก็ไม่ชาย ดูอย่างเดวิด โบวี่ในยุคหนึ่ง แต่สำหรับชุดล่าสุดนี้ไม่ต้องการกั๊กแล้วละค่า (ลากเสียง) หญิงก็คือหญิงไปเลย อีกสาเหตุหนึ่งเราแอบเบื่อเสื้อผ้าผู้ชายที่มีความลิมิเต็ดโน่นนี่เยอะไปหมด เราชอบใส่ส้นสูงด้วยเต้นด้วย…มันส์ดี เรื่องเสื้อผ้าที่เห็นในโชว์มันเกิดจากไลฟ์สไตล์ในชีวิตเราเองด้วย เราแต่งอย่างนี้ เราก็ไปเปิดให้ผู้ชมดู


GM : เปิดเผยตัวเองออกมาแบบนี้ มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง


จีน : ที่เปิดเผยว่าเป็นแบบนี้ มันก็แค่ ณ ตอนนี้ด้วยนะคุณ ในอีกช่วงเวลาหนึ่ง ต่อไปอีกสักหน่อย เราอาจจะเบื่อการแต่งหญิง กลับไปแต่งตัวเป็นผู้ชายแมนๆ บ้างก็ได้ มันเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ ค่ะที่รัก


GM : รูปลักษณ์ภายนอกขับเคลื่อนสิ่งที่อยู่ภายในหรือว่าสิ่งที่อยู่ภายในขับเคลื่อนภายนอก


จีน : (นิ่งคิด) ข้างในมันขับเคลื่อน แต่สุดท้ายทั้งสองส่วนก็ช่วยกันขับเคลื่อนตัวเราออกมา รวมไปถึงสิ่งที่เราสร้างสรรค์เอาไว้ในงานเพลง งานเล่นสดบนเวที หรือว่าการใช้ชีวิตในแต่ละวัน  ชีวิตคนเรามีกลไกของมัน ถ้าข้างในแย่ ข้างนอกก็แย่ หรือถ้าข้างนอกแย่ ข้างในก็ยิ่งแย่ไปใหญ่ เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมที่เห็นอย่างนี้ก็แค่ภายนอกนะ ตอนนี้ตัวตนของเราเปิดขึ้น  สื่อสารกับแฟนเพลงมากขึ้น พูดจาจิกกัด แดกดันสังคมบ้าง สมัยอยู่ฟูตองเราไม่ค่อยพูด กินเหล้าตลอดเว กลัวเวทีอีกต่างหาก


GM : คุณเคยถามตัวเองไหมว่าจากเด็กต่างจังหวัดอยู่เมืองแพร่ วันหนึ่งอะไรเกิดขึ้นกับฉัน ฉันเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร


จีน : จากวันนั้นเหรอ ตลกมากนะ เราอยู่จังหวัดที่ไม่มีอะไรเลย บริสุทธิ์มาก สิ่งที่ทำให้เราเป็นเราอย่างทุกวันนี้ ก็คือ การเปิดรับวัฒนธรรมจากหลากหลาย วัฒนธรรมที่เข้ามาก่อนคือเรื่องการฟังเพลง พอชอบฟังเพลงเหมือนเป็นการเปิดโลก ได้ศึกษาตัวเองไปด้วยว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร อยากหรือไม่อยากเป็นอะไร คือเรามองความสุขในแบบรายวัน ตอนอายุ 14 ฟังเพลงดาร์คมาก เราก็ชอบวง Portishead แล้ว พี่ชายอยู่กรุงเทพฯ บอกว่าชุด Dummy ออกมาตอนปี 1994 ฟังวงนี้ไม่รู้เรื่อง เอ้า…แกลองไปฟัง ปรากฏว่าฉันชอบมาก โคตรเจ๋งเลย ตอนเรียน ม.ต้น เราก็ฟอร์มวงดนตรี เล่นเพลงโมเดิร์นด็อก เรดิโอเฮด เนอร์วาน่า เออ…ฉันมีฝันอยากเป็นนักร้อง เป็นศิลปิน ความฝันนี้มันระเบิดออกมาจากการเสพเพลงบริทป๊อปยุค ’90s มากๆ


GM : ตอนนั้นฝันอยากเป็นใคร


จีน : บียอร์ค (หัวเราะเสียงดัง) การฟังเพลงยุคนั้น ทำให้ภาษาดีมาก เราเป็นคนไม่ Give up เรื่องภาษา ชอบเพลงไหน นักร้องร้องว่าอะไร ถ้าไม่รู้เราต้องเปิดดิกชันนารีดู ตอนเด็กๆ แกะเนื้อเพลงภาษาอังกฤษที่ชอบ จุดนี้ต่อมาเป็นข้อดีมากๆ เรายังทำต่อเนื่องอยู่นะ GK ไม่หยุดการเรียนรู้


GM : เป็นความคิดที่เอาเรื่องมากๆ จนอยากเข้ากรุงเทพฯ


จีน : ตอนนั้นความคิดแรกคือฉันไม่อยากเป็นเด็กเสิร์ฟ (หัวเราะ) และเราก็ไม่อยากเรียนมหาวิทยาลัย เราไปลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง โอเคทุกอย่างพร้อมรอจ่ายเงิน แต่ก็ฉุกคิด… เอาจริงเหรอวะมึง เราต้องแต่งยูนิฟอร์มแบบนี้อีก 4 ปี มันเศร้ามาก ไม่เอาละ ทำงานดีกว่า ก็ได้งานแรกที่ Tower Records เรียงชื่อศิลปินตามตัวอักษร a b c ซึ่งเราเรียงได้เป๊ะมาก เป็นพนักงานจัดเรียงซีดี เราก็ได้รู้จักเพลงมหาศาล มีความสุข ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ เราได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการเลยละ ทำงานร้านซีดีไปพักหนึ่ง ก็ได้เป็นคอลัมนิสต์ให้กับนิตยสาร ‘Metro’ เขียนเรื่องโน่นนี่ เรื่องเพลง หลังจากนั้นออกไปเที่ยวเมืองนอก ไปอยู่อังกฤษพักหนึ่ง แบ็คแพ็คทิ้งงานที่เมืองไทยไปเที่ยวเลยนะคุณ เปรี้ยวไหมล่ะ…ฉัน คิดว่ากลับมาก็ค่อยหางานทำใหม่ อะไรแบบนั้นเลย พอกลับมาได้ทำงานเป็นนักเขียนให้ฟรีก๊อบปี้ชื่อ ‘BK’ เป็นรุ่นแรกๆ เลยมั้ง จากนั้นชีวิตก็ไปเรื่อยของมัน ได้ทำวงฟูตอง เป็นนักร้องยาวมาถึงตอนนี้


GM : ในแง่ของการเปิดเผยเรื่องรสนิยมทางเพศ ว่าฉันจะเป็นแบบนี้เกิดขึ้นตอนไหน เพราะยุคที่เราเติบโตกันมาสังคมยังไม่ค่อยเปิด


จีน : เรียกว่าอาการ ‘Derail’ หรือรถไฟเปลี่ยนรางใช่ไหม มันเกิดขึ้นลึกๆ ในใจนานมาแล้วตั้งแต่เด็ก ก็ไม่ได้เป็นเรื่องผิดบาปนิ พอมาเจอเพื่อน เจอสังคมสิ่งแวดล้อมที่พูดคุยกันเรื่องแบบนี้ได้ สิ่งที่อยู่ภายในเริ่มเด้งออกมา คือเราก็เคยไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ผู้ชายเฮฮากันไป พวกเขาไปดูผู้หญิงกันตามประสา แต่ระหว่างที่เพื่อนดูผู้หญิง จีบหญิงกัน เราดูผู้ชายไง วันหนึ่งตามเพื่อนไปเที่ยวที่สีลมซอย 2 สนุกกับไนท์ไลฟ์โน่นนี่ แล้วเราก็ได้กลับบ้านไปกับใครสักคนหนึ่ง วันนั้นละ…เรานึกขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ กลุ่มนี้มากนะ เราก็ซื่อเนอะยังไปเล่าให้พวกเขาฟังว่า จีนรู้สึกว่าตัวเองเป็นเกย์ เขาก็บอกว่าฉันไม่น่าพาแกมาเล้ย (หัวเราะ)


GM : ถ้าจัดซาวนด์แทร็คชีวิตให้กับตัวเองตอนที่ค้นพบแล้วว่าเป็นเกย์ นึกถึงเพลงอะไร


จีน : โอ๊ย…เพลงเสื่อมมาก จะประมาณ Madonna เพลง ‘Ray of Light’ อัลบั้ม Frozen

 

  GMLive

 








         












 

 



GM : หลายคนมองว่าไนท์ไลฟ์เป็นสิ่งไม่ดี คุณผ่านตรงนี้มาเยอะ เห็นทั้งด้านดีๆ และด้านไม่ดี


จีน : การออกไปปาร์ตี้สังสรรค์ คือความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ เพราะเราเป็นสัตว์สังคมที่ต้องคอนเนคกับคนอื่น เรื่องนี้มีมานานแล้ว ไนท์ไลฟ์ก็มีมาตั้งแต่มนุษย์เริ่มเล่นรอบกองไฟโน่น ในไนท์ไลฟ์หลายคนไปเจอกันเพื่อเรื่องงาน เราได้งานได้ไปแสดงที่ต่างๆ เพราะเจอคอนเนคชั่นเพื่อนฝูงตามงานปาร์ตี้ ที่คนลดความเป็นทางการลงให้เพื่อพูดคุยกัน ยุคนี้การออกไปไนท์ไลฟ์ก็ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของคนคนนั้นแล้วละ ว่าจะพาตัวเองไปในจุดที่เสื่อมที่สุดหรือว่าจุดที่ดีๆ  ข้อดีที่เห็นด้านชัด คือ ไนท์ไลฟ์จะเป็นตัวที่ดัดความรับผิดชอบของคุณ คุณทำอะไรไปด้วยความไร้สติหรือเปล่า คุณรักสนุกจนเลยเส้นความพอดีหรือเปล่า เพราะเมื่อคุณออกไป ถ้าเยาวชนอ่านอยู่ก็ขอให้รู้ว่า ต้องรับผิดชอบตัวเองให้ได้เสียก่อนนะจ๊ะ


GM : คุณเคยได้ไปเล่นในงาน Gay Pride ที่เบอร์ลิน เคยถึงขั้นว่าแสดงนอกสนามฟุตบอลระหว่างที่ฟุตบอลโลกนัดชิงจะเตะ คุณก็ไม่ธรรมดานะเนี่ย


จีน : ใช่ เหตุการณ์นั้นรู้สึกเป็นเกียรติมาก ซึ่งเราก็โนเนมมาก เราเป็นใครมาจากไหนไม่รู้ แต่ว่าในแมตช์รอบชิงฟุตบอลโลกปี 2008 คนเฮโลออกมาดูฟุตบอลกันทั่วเมือง มองจากเวทีคนดูยาวเต็มถนนเป็นแสนเหมือนเดินขบวนลุกฮือ เราไปยืนอยู่บนเวที ร้องอยู่คนเดียวกับแบ็คกิ้งแทร็ค โชคดีมีพี่โอ๋ ฟูตองสะพายเบสออกมากอบกู้สถานการณ์ไว้ คนไทยในเบอร์ลินมาทักเราในเฟซบุ๊คด้วยว่า โห…มาปรากฏตัวงานนี้ได้อย่างไรกัน


GM : แต่ละโชว์คุณวางแผนการแสดงไหม ว่าต้องออกมาดูเริด บ้าบอ ก๋ากั่น เซ็กซี่ ขยี้เท้า


จีน : การแสดงของเราเป็นเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ออกมาจากตัวเพลง เพราะเราได้ร้องเพลงที่เราอินกับมัน ทีนี้พอได้ร้องกี่ครั้ง แสดงกี่ครั้ง พลังจะมาของมันเอง ไม่ได้เซตติ้งอะไรมากด้วย มันเกิดขึ้นสด สถานที่ บรรยากาศหรือเหตุการณ์ในวันนั้นๆ จะมาส่งเสริมการอิมโพรไวซ์ของเราด้วย ตราบใดที่เรายังตื่นเต้นกับเพลงที่เราร้อง เราก็จะดึงพลังออกมาจากตัวเองได้ ต่อให้วันไหนต้องขึ้นโชว์ทั้งที่ป่วย หรือว่ารู้สึกง่อยๆ ถ้าขึ้นเวทีไปแล้ว เจอเสียงกลอง กีตาร์ เบส เจอพลังของผู้ชมที่โถมเข้ามา วันนั้นก็จะเป็นอีกวันที่สุดติ่ง


เราว่าตอนนี้เราทำโชว์ได้ดีขึ้น ฉลาดขึ้น เพราะเราออกแบบโชว์ให้ฟิตอินกับตัวเอง เราจะบริหารพลังบนเวที ไม่ปล่อยหมดในช่วงแรก จบเพลงหนึ่ง เพลงต่อไปพัก บางเพลงเราจะแสดงจินตลีลา ทำท่าอะไรหลอนๆ อวกาศๆ ประกอบเพลงไปให้ผ่อนตัวเองลง หยุดคุยกับผู้ชมบ้าง เพลงต่อไปก็จะจัดหนักขึ้นให้โชว์มีกราฟเป็นแนวดิ่งขึ้นอะไรอย่างนั้น อ้อ! มีอีกอย่าง คือถ้าจะขึ้นโชว์ 1 วัน เราจะไม่ออกไปดื่ม งดค่ะ เป็นกฎเหล็กของ GK


GM : เวลาไปเที่ยวแต่งตัวเหมือนขึ้นแสดงบนเวทีไหม


จีน : ก็เหมือนกันเลย (ตอบเน้นเสียง) ก็เรานำสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันออกไปให้คนเห็น ความเป็นศิลปินน่ะนะ สุดท้ายแล้วก็ขายที่ตัวตนผลงานของคนคนนั้น ซึ่งในด้านดนตรีเมืองนอกเมืองนา พรมแดนเรื่องเพศมันหายไป


ตั้งนานแล้ว มัน Beyond Border ไปแล้ว ถึงคุณจะออกมาเปิดเผยว่ามีรสนิยมด้านเพศอย่างไร คุณก็แค่สร้างความหวือหวาได้เฉพาะในช่วงต้นเท่านั้น เพราะในระยะยาวคนฟังเพลงเขาจะดูที่ผลงานที่ขีดความสามารถของศิลปินคนนั้นมากกว่า โอเค…คุณจะแต่งตัวออกมายังไงก็ได้ แต่มันก็แค่สิ่งที่ห่อหุ้ม คุณต้องมีอะไรมากกว่านั้นไหมล่ะ เรื่องนี้เป็นความคิดที่ยูนิเวอร์แซลมาก


ส่วนในสังคมไทยกับเอนเตอร์เทนเนอร์ เราว่าคนเขาที่ยังไม่เปิดออกมา อาจเป็นเพราะว่าเขาไม่ต้องการเสียสเปซอะไรบางอย่าง เป็นศิลปิน ดารา นักร้องไทย อาจจะต้องอยู่กับความลับอะไรบางอย่าง เพื่อที่ฉันจะสร้างดราม่าอะไรออกมาได้ ฉันต้องเป็นตัวละครที่มีมิติ แต่สำหรับ GK เราไม่ดราม่าแล้ว เปิดก็เปิดไปเถอะค่ะ รักสนุก อย่าฉุดตัวเอง อย่าลีลาลวดลายเหมือนที่ร้องในเพลงเลย เราเป็นแค่สิ่งมีชีวิต เป็นเสี้ยวเล็กๆ ของอะไรสักอย่าง จะมาดราม่าอะไรกันมากมาย เราแต่งหญิง แต่เราไม่ใช่เลดี้บอย โอเคป่ะ GK ก็ไม่คิดว่าจะไปทำศัลยกรรม เราไม่ไปถึงขั้นนั้น อย่างมากก็แค่โบท็อกซ์กันตามปกติ


GM : วงการเพลงไทยในสายตาคุณในปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง


จีน : เราว่าคนฟังรักสบายมากขึ้น อยากฟังเพลงไหนจิ้มเอาจากในอินเตอร์เน็ต ดาวน์โหลดโน่นนี่ หรือแทบไม่เสียเงินเพื่อซื้อเพลงกันอีกแล้ว รวมไปถึงงานแสดงคอนเสิร์ตที่เดี๋ยวนี้มีอีเวนท์มีออร์แกไนเซอร์เข้ามา มีสปอนเซอร์สนับสนุน การไปดูโชว์ก็ทำได้ง่ายๆ หาบัตรผ่านประตูได้จากการโทรฯ ส่งข้อความ เล่นเกมทางเฟซบุ๊ค อะไรก็ดูฟรีไปหมด ศิลปินอยู่ยาก สังเกตดูสิงานที่ขายบัตรส่วนใหญ่จะมีแค่วงใหญ่ไม่กี่วงที่ทำได้ ส่วนถ้าจะให้ชัวร์หน่อย ผู้จัดงานคอนเสิร์ตต้องรวมเอาวงหลายๆ วงมาเป็นแม่เหล็ก มาดึงแฟนเพลงของกลุ่มนั้นกลุ่มนี้เข้าไว้ด้วยกัน งานถึงจะซัคเซสเรื่องรายได้


GM : สังเกตว่าเดี๋ยวนี้จะไม่มีวงที่มีชื่อเสียงกลางๆ คือมีวงดังมากระดับประเทศไปเลย และวงที่เกิดใหม่ที่คนรู้จักกันแค่กลุ่มแคบๆ


จีน : วงหน้าใหม่ที่เกิดขึ้นก็น่าสงสาร เพราะเขาอยู่ยาก เวลามีงานขึ้นเล่นทีก็มีแค่กลุ่มเพื่อนที่ตามกันมาดู นี่คือความจริงแท้ ดังนั้น การเล่นโชว์ของ GK จึงต้องสุด เราจึงคิดว่ามันจะเป็นเหมือนการจูงใจให้คนมาสนใจผลงานของเรา มามีประสบการณ์ร่วมกันกับเรา เพื่อที่โชว์จบลงแล้ว โอเค…คนอาจจะจำเพลงเราได้ ไปหาฟังต่อในอินเตอร์เน็ตเพื่อเพิ่มยอดวิว หรือว่าเขาอยากได้ซีดีของเราเป็นที่ระลึก อยากได้ลายเซ็น GK เก็บไว้ ผู้ชมอยากจะรู้จักตัวตนของเราเพราะเราได้มอบประสบการณ์ที่สนุกให้กับพวกเขาไป เราหวังว่าทุกโชว์ของเรา GK จะต้องจุดประกายอะไรบางอย่างแก่ผู้ชมในนั้นให้ได้สัก 1 คน



ที่มา :