ใครอยากสวย อยากรวย อยากเก่ง ยกมือขึ้น! แล้วฟังทางนี้

รายได้รวมของเพศหญิงมีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 30% ในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา น่าภูมิใจไหมคะ แถมผู้เชี่ยวชาญหลายท่านยังเชื่ออีกว่า ภายในปี ค.ศ. 2018 จำนวนคนรวยในอเมริกาครึ่งหนึ่งจะเป็นผู้หญิง หากอยากเป็นหนึ่งในกลุ่มสุภาพสตรีผู้มั่งคั่งเหล่านี้อย่าพลิกหน้าหนีไปไหนเด็ดขาด

ไม่ว่าคุณจะอยากรวยพอที่จะเข้าไปตีสนิทกับซุปตาร์สุดปลื้ม ร่วมวงปาร์ตี้ไฮโซโก้เก๋ หรือเลือกซื้อรองเท้าหรูสักคู่โดยไม่ต้องรอวันลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์ หรือมิดเยียร์เซลส์ แต่ปัญหาคือ มีไม่กี่คนที่รู้วิธีปลูกเงินให้งอกเงย คุณคิดจนหัวแทบแตกว่าจะทำไงดี อย่าเพิ่มกุมขมับค่ะ เรื่องนี้จิ๊บๆ WH มีไอเดียเพิ่มพูนเงินในบัญชีของคุณมานำเสนอ

เราใช้เวลากว่า 3 ปี ตระเวนสัมภาษณ์เหล่าเศรษฐินีหน้าใหม่ที่รวยด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองกว่าร้อยคน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจำนวนไม่น้อยถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จและความร่ำรวย สิ่งที่ค้นพบยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเศรษฐีนีเหล่านี้ยึดหลักปฏิบัติ 4 ข้อดังต่อไปนี้


1. อยากรวยพันล้าน วิสัยทัศน์สำคัญมาก

การตั้งเป้าหมายผลักดันให้คุณพุ่งสู่ความสำเร็จดังที่ต้องการได้ แต่สิ่งที่จะพาคุณก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ก็คือวิสัยทัศน์ ริชาร์ด เชริแดน (Richard Sheridan) ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Joy, Inc อธิบายเพิ่มเติมว่า ภาพความสำเร็จที่หมายมั่นจะไปให้ถึงจากการทำงานหนัก ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ที่คอยตอกย้ำถึงจุดประสงค์ที่ตั้งไว้

จงจินตนาการถึงอนาคตข้างหน้า ว่าความสำเร็จที่วาดฝันไว้มีหน้าตาอย่างไร พร้อมกับทำบันทึกเตือนความจำอย่างละเอียด และอย่าลืมพิจารณาปัจจัยสำคัญต่างๆ นานา เช่น คุณมีเวลาให้ครอบครัวเท่าไหร่ คนประเภทไหนที่อยากร่วมงานด้วย และคุณต้องการทำงานที่ไหน เมื่อเดินมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อย่างเช่นเวลาที่ต้องชั่งใจเลือกระหว่างงานในปัจจุบัน กับงานใหม่ซึ่งได้ค่าตอบแทนต่ำกว่าแต่มีหนทางก้าวหน้าในระยะยาวมากกว่า ให้ทบทวนวิสัยทัศน์ที่เคยบันทึกไว้ แล้วมุ่งต่อไปยังเส้นทางนั้น

2. วางแผนสำหรับอนาคตอันใกล้เท่านั้น

การวางแผนทีละขั้นเพื่อเริ่มธุรกิจส่วนตัวหรือเกษียนตอนอายุ 50 ฟังดูดีนะ แต่มันอาจส่งผลตรงกันข้ามกับที่คาดหวัง ลีโอนาร์ด เชลซิงเกอร์ (Leonard Schlesinger) หนึ่งในผู้เขียนหนังสือเรื่อง Just Start กล่าวว่า ถ้ามีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับแผนที่วางไว้ คุณมักกลับมานั่งทบทวนขั้นตอนต่อไปใหม่อีกรอบ แทนที่จะทำเช่นนั้น เปลี่ยนเป็นตั้งเป้าทำสิ่งเล็กๆ ที่สามารถเข้าใกล้ความฝันได้ง่ายกว่า เช่น ชำระหนี้ทุนการศึกษา เข้าเรียนคอร์สธุรกิจ หรือต่อรองขอเพิ่มเงินเดือน เป้าหมายเล็กๆ ที่ทำได้ง่ายกว่าจะกระตุ้นให้คุณมีแรงบันดาลใจในการปฏิบัติ เพิ่มความมั่นใจ และนำคุณเข้าใกล้เป้าหมายเร็วยิ่งขึ้น เอมี แอปเปิ้ลบอม (Amy Applebaum) อาจารย์สอนวิชาธุรกิจสากล (และเศรษฐีนีที่สร้างฐานะด้วยตัวเอง) เสริมว่า เพื่อจดจ่ออยู่กับเป้าหมาย ดิฉันจะนึกถึงแต่สิ่งที่ทำสำเร็จได้ภายใน 30 วันเท่านั้น


3. ให้เครือข่ายช่วยขยายฐานทรัพย์สิน

สิ่งหนึ่งที่คุณไม่สามารถตีมูลค่าเป็นเงินได้ ทั้งยังมีคุณค่ามากที่สุด นั่นก็คือเครือข่ายของตัวคุณเอง ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนรอบตัวคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของผู้หญิงที่มีทุนเริ่มต้นทำธุรกิจน้อย และมีโอกาสน้อยที่จะก้าวสู่ตำแหน่งระดับสูง งานวิจัยชิ้นหนึ่งชี้ชัดว่า 73% ของผู้เริ่มธุรกิจส่วนตัวประสบความสำเร็จก็เพราะมีเครือข่ายคนรู้จักเยอะ

ในบรรดาคนในเครือข่ายของคุณควรจะมีคนเก่งที่ให้คำปรึกษาดีๆ รวมอยู่ด้วย และช่วยผลักดันให้คุณคิดริเริ่มสิ่งใหม่ๆ อย่างน้อยหนึ่งคน พร้อมทั้งแนะนำในช่วงเริ่มดำเนินการ การหารายชื่อเหล่านี้ด้วยตัวเองไม่ยากเย็นอะไร แค่ไล่ดูรายชื่อคนที่เคยทำสิ่งที่คุณอยากทำมาสัก 10 คน จากนั้นหาโอกาสคุยกับพวกเขา

ทั้งนี้คุณไม่จำเป็นต้องบุ่มบ่ามขอคำแนะนำโดยทันที เพราะความสัมพันธ์ที่ดีมักเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากการมีปฏิสัมพันธ์ ต่อไปก็เข้าร่วม(หรือก่อตั้ง)กลุ่มผู้ริเริ่มโครงความคิดต่างๆ ซึ่งจำกัดสมาชิกอยู่ที่ 4 ถึง 7 คน หมั่นพบปะพูดคุยกับพวกเขาเพื่อเสนอตัวสนับสนุน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมไปถึงการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ ขยายฐานเครือข่ายออกไป (ลองนึกถึงเครือข่ายรูปแบบที่สองหรือสามบน Linkedin) และทำความรู้จักกับผู้ประกอบธุรกิจในสาขาเดียวกันบ้าง

4. ก้าวข้ามความกลัว

ไม่ว่าคุณกำลังเปลี่ยนงานหรือตัดสินใจลงทุนกับเงินล้านก้อนแรกแบบไหนอย่างไร ทุกคนต่างก็กลัวตัดสินใจพลาดด้วยกันทั้งนั้น แม้จะยากแค่ไหน คุณก็ต้องตัดสินใจอยู่ดี แคริซซ่า ไรนิเจอร์ (Carissa Reiniger) เจ้าของบริษัท Silver Lining ผู้ลาออกจากงานประจำมาเปิดบริษัทให้คำปรึกษาด้านธุรกิจขนาดเล็ก และมีผลประกอบการ 1 ล้านเหรียญในปีแรกบอกว่า “อันที่จริงความผิดพลาดถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อความสำเร็จ เพราะการลงมือทำเป็นหนทางเดียวที่จะขจัดความกลัวได้ หากไม่เริ่มต้นทำ ไม่เจอความผิดพลาด แล้วจะเรียนรู้ได้ยังไง ความล้มเหลวก็ไม่ได้แย่เสมอไปหรอก จริงไหม”