นิชิโนะ แจงเหตุเปลี่ยน 7 แข้ง ก่อนเสมอ อิรัก ลิ่ว 8 ทีมสุดท้าย

กีฬา
นิชิโนะ แจงเหตุเปลี่ยน 7 แข้ง ก่อนเสมอ อิรัก ลิ่ว 8 ทีมสุดท้าย

อากิระ นิชิโนะ แจงเหตุที่เปลี่ยนตัวจริงจากเกมที่แล้ว ถึง 7 คน แต่ก็ยังเก็บ 1 แต้มสำคัญ พร้อมผ่านเข้าสู่รอบต่อไป

อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ชี้แจงสาเหตุที่เปลี่ยนผู้เล่นตัวจริงจากเกมล่าสุด ถึง 7 คน แต่ก็ยังเก็บแต้มสำคัญ พร้อมผ่านเข้าสู่รอบต่อไปของชิงแชมป์เอเชีย ได้สำเร็จ

โดยเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ ช้างศึก U23 ยันเสมอ อิรัก ทำให้มี 4 คะแนน ทำให้ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในฐานะรองแชมป์กลุ่ม

หลังจบเกม อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี กล่าวว่า "ตั้งแต่เก็บตัวมา ทั้งสตาฟฟ์โค้ช และนักเตะทุกคนก็พยายามทำเต็มที่ ทำให้ได้ผลลัพธ์ในวันนี้ อย่างน้อย วันนี้เราก็ได้ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง ซึ่งก็คือ การได้ผ่านเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ"

"การเปลี่ยนแปลง 11 ตัวจริงในวันนี้มากมาย จากที่นัดแรกและนัดที่ 2 ที่ผ่านมา เราทำงานเป็นทีมได้ดี นักเตะทุกคนฟื้นฟูได้ดี แต่เห็นได้ชัดว่า ทุกคนก็มีอาการล้า วันนี้ ก็เลยตัดสินใจ ใช้ตัวสำรองที่ยังไม่ได้ลงสนาม ซึ่งในตอนซ้อมหลายคนก็ทำได้ดี เราก็อยากให้โอกาส ซึ่งในช่วงก่อนเกม ก็ได้กำชับนักเตะ ว่าไม่ต้องกลัว และจงมีสมาธิ โดยเฉพาะในครึ่งหลังที่เราจะต้องวัดกันซึ่งทุกตนก็ปรับตัว และสุดท้ายก็สามารถยันสกอร์ไว้ได้"

"แผนการเล่นที่ใช้ เบน เดวิส กับ วรชิต ในแดนหน้า ที่ผมตัดสินใจใช้ทั้งคู่ ก่อนอื่นเลยทั้งคู่ไม่ใช่สายวิ่ง แต่ทั้ง 2 คนมีเซนส์บอลที่ทันกัน และสามารถเก็บบอลได้ เราเลยตัดสินใจให้ลง ในกรณีของ เบน เดวิส เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าตัวก็เจ็บคอไม่สบาย และไม่สามารถไปยืดเส้นยืดสายกับทีมได้ แต่ที่ผ่านมา ทั้งคู่สามารถทำได้ดี ประสานงานได้ดีเยี่ยม ในการซ้อม ก็เลยลองใช้ทั้งคู่ลงสนามพร้อมกัน โดยเน้นที่การครองบอล และใช้ผู้เล่นด้านข้างเป็นตัวเข้าทำ ซึ่งต้องยอมรับว่าเสี่ยงแต่ก็ได้ผล แต่ครึ่งหลัง ที่เราเปลี่ยนตัว เบน เดวิส ออกเป็นเพราะเขามีใบเหลือง และสุ่มเสี่ยงที่จะโดนไล่ออก เราก็เลยต้องลดความเสี่ยงด้วยการเปลี่ยนตัวเขาออก"

"การผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ หลังจากนี้ ภารกิจของเราจบแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าเราจะเจอใคร แต่ด้วยการเป็นเจ้าภาพ เราก็จะได้เปรียบ เพราะตารางการแข่งขัน เราจะได้พักมากกว่า ซึ่งหลังจากนี้ เราก็จะใช้เวลา ในการพักฟื้นทั้งร่างกายและจิตใจให้พร้อมอีกครั้งสำหรับเกมต่อไป และวันนี้เราได้พักกำลังหลักหลายคน ทำให้เชื่อว่ากำลังหลัก น่าจะสดชื่นขึ้นบ้างเล็กน้อย และพร้อมสำหรับเกมนัดต่อไป ซึ่งเราจะพยายามเล่นบอลบนพื้นตามสไตล์ของตัวเอง พาบอลไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และเข้าทำแบบรวดเร็ว ส่วนเกมรับ ผมยอมรับว่ามันยังเป็นจุดอ่อนซึ่งมันก็แก้ไขได้ไม่ง่ายเลย เราก็ต้องพยายามช่วยกันวิ่ง ช่วยกันซ้อน ด้วยการครองเกมให้ได้มากที่สุด"

"เกมรับที่ไม่ค่อยได้เติมขึ้นไป เราพยายามใช้ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ที่มีสปีดในการเข้าทำ การที่แบ็คจะเข้าทำก็ยาก เพราะปีกเรามีความเร็วมาก และด้วยพละกำลังที่ไม่เท่ากัน พอท้ายเกม หลายคนก็เป็นตะคริวแต่ยังฝืน ส่วน ทิตาธร อักษรศรี ผมคิดว่าเขามีรูปร่างที่ดี แข็งแกร่ง และถนัดเท้าซ้าย ซึ่งเหมาะกับการเป็นแบ็คซ้าย แต่เขายังมีจุดอ่อนเรื่องเกมรับ และหวังว่าจะเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต หวังว่าจะเป็นผู้สืบทอด ตำแหน่งแบ็คซ้ายของ ธีราทร บุญมาทัน ในอนาคต"

"จากซีเกมส์จนถึงตอนนี้ นักกีฬามีความเข้าใจ และความฟิตไม่ได้แตกต่าง ความผิดพลาดในซีเกมส์ คือผมจัดการได้ไม่ดี เพราะเพิ่งรู้จักนักเตะตอนเดินทาง และต้องเล่นหญ้าเทียมแบบวันเว้นวัน ทำให้เราทำผลงานในซีเกมส์ได้ไม่ดี ในอนาคต เราอยากท้าทายให้มากกว่านี้ สู้กับทีมระดับสูงให้มากกว่านี้ การแข่งขันในครั้งนี้ทำให้เรามีประสบการณ์จากทีมระดับสูง นักเตะเรายังขาดประสบกาณ์ หลังจบทัวร์นาเมนต์ เราควรมีแผน ในการเจอกับทีมใหญ่ และไม่ใช่แค่ชุดนี้ แต่ยังรวมถึงชุดที่อายุต่ำกว่านี้"

หลังจากนี้ ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี จะทำการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบ 8 ทีมสุดท้าย พบกับ ทีมแชมป์กลุ่ม บี ที่สนาม ธรรมศาสตร์ สเตเดียม ในวันที่ 18 มกราคม 2563 เวลา 17.15 น. ถ่ายทอดสด ทางช่อง 7

สำหรับใครที่อยากไปเชียร์ช้างศึกชุดอายุไม่เกิน 23 ปีถึงขอบสนาม ซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์

ที่มา : FA Thailand